“ไปวัดอีกแล้วเหรอ” ผมจะได้ยินคำนี้ทุกครั้งจากเพื่อนๆที่รู้จัก เวลาผมจะไปเที่ยว
หรือถ่ายภาพวัดต่างๆไม่เว้นแม่กระทั่งวัดเล่งเน่ยยี่2 แห่งนี้ บางครั้งเรียกผมว่าพวกสายวัดกันเลยที่เดียว
การไปเที่ยววัดของผมคงไม่ใช่เรื่องของการไปทำบุญแต่เพียงอย่างเดียวแน่ เพราะแบบนั้นผมก็คงหาวัดใกล้ๆบ้านอยู่แล้ว
แต่การเที่ยววัดของผมมันมากกว่านั้น นั้นก็คือเรื่อง ศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ เอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น
ความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่และตัวองค์พระไม่ว่าพระประธานหรือพระพุทธรูปต่างๆ
ได้เรียนรู้ได้บอกกล่าวเรื่องราวผ่านตัวหนังสือในสมุดบันทึกเล่มเล็ก หรือจากภาพถ่ายต่างๆ
ผมเคยมาวัดเล่งเน่ยยี่ 2 แล้วหลายปีก่อน ตอนผมอยู่อยุธยา เป็นการเดินทางแบบอยากจะมาชม อยากจะได้เรียนรู้เรื่องราวของวัด
ได้เห็นถึงสถาปัตย์กรรมต่างๆ อีกอย่างอยากรู้อยากเห็นเหมือนคนที่กำลังฮิตไปเที่ยวกันในตอนนั้น
ซึ่งเราไม่อาจจะลืมได้ว่าสมัยนี้เราไปเที่ยวกันตามสมัยนิยม การเที่ยวครั้งนี้คือประติดประต่อเรื่องราวครั้งก่อนๆ
ทำไม่ต้องมาคนเดียว ทำไมต้องนึกถึงวัด ทำไมเวลามาแล้วไม่ชวนใครมาด้วย ผมตอบได้อย่างง่ายดายแบบไม่ต้องคิดไรมากว่า
“สะดวกในด้านความคิด อิสระในการเดินทาง สามารถคิดไรได้ต่างๆนาๆ “เป็นคำถามที่มีคำตอบในตัว
และด้วยความที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแล้วอยากได้มุมมองแบบนี้เราก็ต้องมีเวลาที่จะนึกอะไรต่างๆ
แต่ถ้าไปอีกแนวหนึ่งเราก็จะมองแบบหนึ่งก็เท่านั้นเอง
วัดเล่งเน่งยี่2 ผมว่าเหมือนผมมาเที่ยวเมืองจีนแบบที่ไม่ต้องตีตั๋วเดินทางไกล ไม่ต้องเดินทางหลายวัน
สถาปัตย์กรรมแบบจีนล้วนๆตามพุทธนิกายมหายาน ในยุคสมัย หมิง-ชิง
การเลียนแบบราชวังต้องห้ามและใช้คติการสร้างแบบวังหลวง ทำให้อดนึกถึงหนังจีนกำลังภายในเรื่องหนึ่งที่มีวัดเส้าหลินเป็นตัวนำเรื่อง
พระสงฆ์ เณรน้อย ตัววัด ขาดแต่พระเอกหรือฝ่ายร้ายในเรื่องเท่านั้น จินตนาการมันช่างยาวไกลจริงๆ
มาที่นี้ได้เจอเณรน้อย เจอพระ การห่มจีวรแบบอีกนิกายหนึ่ง นิกายณาน แต่การพูดจาคือไทยแท้แน่นอน
การทำวัตรเย็นแบบที่ผมเองก็คงไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก
เสียงดังกันวานของการเคาะการทำวัดเย็น บทสวดต่างๆ ประสมด้านความคิด ประสานด้านความรู้สึก
ทำให้ใจนิ่งและสงบได้แม้กายนอกจะอยากดิ้นรน
การมาครั้งนี้ความรู้สึกก็คล้ายกับครั้งแรกที่มาคนเดียว แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างในการเดินทางและผู้คน
ที่ผมรับรู้สึกได้ว่าน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก แม้ผมจะมาวันอาทิตย์ก็ตาม
ได้เดิมชมถ่ายภาพ รอบๆและได้กราบไหว้พระ ทำบุญต่างๆแล้ว มานั่งมองวัดด้านหน้า วัดเล่งเน่ยยี่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการในด้านโครงสร้างหมือนที่ผมนึกภาพไว้ในจิตใจไส้ก่อน
แต่ในด้านความยิ่งใหญ่ตามกำลังศรัทธาผมว่ามันมากมายนัก จากแต่ก่อนเป็นศาลเจ้าเล็กๆ สิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมรับรู้ได้ถึงพลังมวลชน
พลังสามัคคี ซึ่งหล่อหล่อมทำให้เกิดความศรัทธาที่แรงกล้าของผู้คน
แม้เวลานี้วัดเล่งเน่ยยี่2 จะผ่านเวลาของสถานที่แห่งใหม่มาแล้ว วันก่อนที่ผู้คนแห่กันมาชม มาถ่ายภาพตามการเชื่อเชิญของสิ่งต่างๆ ผู้คนที่มากมายเบียดเสียดกัน
ตอนนี้วัดเล่งเน่ยยี่2 เหลือแต่ความจริงแท้ เหลือแต่พลังศรัทธา ผู้คนที่อยากมาทำบุญ
มันทำให้ผมนึกย้อนถึงตัวของผมเองที่มาคนเดียว การมาคนเดียวก็เป็นแบบนี้ไม่ได้เพิ่มไม่ได้ลด มันตายตัวอยู่แล้ว
การมาเที่ยวคนเดียวของใครบางคนอาจจะได้อะไรดีๆกลับไปบ้างไม่มากก็น้อย ไม่เชื่อลองมาเที่ยววัดเล่งยี่2คนเดียวสิครับ