“ไปวัดอีกแล้วเหรอ” ผมจะได้ยินคำนี้ทุกครั้งจากเพื่อนๆที่รู้จัก เวลาผมจะไปเที่ยว
หรือถ่ายภาพวัดต่างๆไม่เว้นแม่กระทั่งวัดเล่งเน่ยยี่2 แห่งนี้ บางครั้งเรียกผมว่าพวกสายวัดกันเลยที่เดียว
การไปเที่ยววัดของผมคงไม่ใช่เรื่องของการไปทำบุญแต่เพียงอย่างเดียวแน่ เพราะแบบนั้นผมก็คงหาวัดใกล้ๆบ้านอยู่แล้ว
แต่การเที่ยววัดของผมมันมากกว่านั้น นั้นก็คือเรื่อง ศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ เอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น
ความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่และตัวองค์พระไม่ว่าพระประธานหรือพระพุทธรูปต่างๆ
ได้เรียนรู้ได้บอกกล่าวเรื่องราวผ่านตัวหนังสือในสมุดบันทึกเล่มเล็ก หรือจากภาพถ่ายต่างๆ
ผมเคยมาวัดเล่งเน่ยยี่ 2 แล้วหลายปีก่อน ตอนผมอยู่อยุธยา เป็นการเดินทางแบบอยากจะมาชม อยากจะได้เรียนรู้เรื่องราวของวัด
ได้เห็นถึงสถาปัตย์กรรมต่างๆ อีกอย่างอยากรู้อยากเห็นเหมือนคนที่กำลังฮิตไปเที่ยวกันในตอนนั้น
ซึ่งเราไม่อาจจะลืมได้ว่าสมัยนี้เราไปเที่ยวกันตามสมัยนิยม การเที่ยวครั้งนี้คือประติดประต่อเรื่องราวครั้งก่อนๆ
ทำไม่ต้องมาคนเดียว ทำไมต้องนึกถึงวัด ทำไมเวลามาแล้วไม่ชวนใครมาด้วย ผมตอบได้อย่างง่ายดายแบบไม่ต้องคิดไรมากว่า
“สะดวกในด้านความคิด อิสระในการเดินทาง สามารถคิดไรได้ต่างๆนาๆ “เป็นคำถามที่มีคำตอบในตัว
และด้วยความที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแล้วอยากได้มุมมองแบบนี้เราก็ต้องมีเวลาที่จะนึกอะไรต่างๆ
แต่ถ้าไปอีกแนวหนึ่งเราก็จะมองแบบหนึ่งก็เท่านั้นเอง
วัดเล่งเน่งยี่2 ผมว่าเหมือนผมมาเที่ยวเมืองจีนแบบที่ไม่ต้องตีตั๋วเดินทางไกล ไม่ต้องเดินทางหลายวัน
สถาปัตย์กรรมแบบจีนล้วนๆตามพุทธนิกายมหายาน ในยุคสมัย หมิง-ชิง
การเลียนแบบราชวังต้องห้ามและใช้คติการสร้างแบบวังหลวง ทำให้อดนึกถึงหนังจีนกำลังภายในเรื่องหนึ่งที่มีวัดเส้าหลินเป็นตัวนำเรื่อง
พระสงฆ์ เณรน้อย ตัววัด ขาดแต่พระเอกหรือฝ่ายร้ายในเรื่องเท่านั้น จินตนาการมันช่างยาวไกลจริงๆ
มาที่นี้ได้เจอเณรน้อย เจอพระ การห่มจีวรแบบอีกนิกายหนึ่ง นิกายณาน แต่การพูดจาคือไทยแท้แน่นอน
การทำวัตรเย็นแบบที่ผมเองก็คงไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก
เสียงดังกันวานของการเคาะการทำวัดเย็น บทสวดต่างๆ ประสมด้านความคิด ประสานด้านความรู้สึก
ทำให้ใจนิ่งและสงบได้แม้กายนอกจะอยากดิ้นรน
การมาครั้งนี้ความรู้สึกก็คล้ายกับครั้งแรกที่มาคนเดียว แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างในการเดินทางและผู้คน
ที่ผมรับรู้สึกได้ว่าน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก แม้ผมจะมาวันอาทิตย์ก็ตาม
ได้เดิมชมถ่ายภาพ รอบๆและได้กราบไหว้พระ ทำบุญต่างๆแล้ว มานั่งมองวัดด้านหน้า วัดเล่งเน่ยยี่ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการในด้านโครงสร้างหมือนที่ผมนึกภาพไว้ในจิตใจไส้ก่อน
แต่ในด้านความยิ่งใหญ่ตามกำลังศรัทธาผมว่ามันมากมายนัก จากแต่ก่อนเป็นศาลเจ้าเล็กๆ สิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมรับรู้ได้ถึงพลังมวลชน
พลังสามัคคี ซึ่งหล่อหล่อมทำให้เกิดความศรัทธาที่แรงกล้าของผู้คน
แม้เวลานี้วัดเล่งเน่ยยี่2 จะผ่านเวลาของสถานที่แห่งใหม่มาแล้ว วันก่อนที่ผู้คนแห่กันมาชม มาถ่ายภาพตามการเชื่อเชิญของสิ่งต่างๆ ผู้คนที่มากมายเบียดเสียดกัน
ตอนนี้วัดเล่งเน่ยยี่2 เหลือแต่ความจริงแท้ เหลือแต่พลังศรัทธา ผู้คนที่อยากมาทำบุญ
มันทำให้ผมนึกย้อนถึงตัวของผมเองที่มาคนเดียว การมาคนเดียวก็เป็นแบบนี้ไม่ได้เพิ่มไม่ได้ลด มันตายตัวอยู่แล้ว
การมาเที่ยวคนเดียวของใครบางคนอาจจะได้อะไรดีๆกลับไปบ้างไม่มากก็น้อย ไม่เชื่อลองมาเที่ยววัดเล่งยี่2คนเดียวสิครับ
วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
เรื่องเล่าในวันเดินทาง
เมื่อการเดินทางเกิดขึ้น ก็ต้องมีเรื่องเล่าในวันที่เดินทางที่เราไปเที่ยวอะไรมา
สิ่งต่างๆจะเกิดขึ้นหลากหลายอารมณ์และความสนุก ความรู้สึกที่นึกถึง
ถ้าเราอยากใส่ความทรงจำดีๆ เราก็สร้างตู้เก็บความจำไว้ในจิตใจ
เมื่อวันเวลาผ่านไปเวลาที่เรานึกถึงเราก็หยิบกุยแจแห่งความทรงจำขึ้นมา
แล้วไขบอกกล่าวเรื่องราวที่ผ่านพ้นมา แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเกิดขึ้น
สิ่งต่างๆจะเกิดขึ้นหลากหลายอารมณ์และความสนุก ความรู้สึกที่นึกถึง
ถ้าเราอยากใส่ความทรงจำดีๆ เราก็สร้างตู้เก็บความจำไว้ในจิตใจ
เมื่อวันเวลาผ่านไปเวลาที่เรานึกถึงเราก็หยิบกุยแจแห่งความทรงจำขึ้นมา
แล้วไขบอกกล่าวเรื่องราวที่ผ่านพ้นมา แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเกิดขึ้น
วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557
วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ภูผาและลำธาร รีสอร์ทในฝัน
ภูผาและลำธาร รีสอร์ทในฝัน ใกล้อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษธานี จากการบอกเล่าด้วยรูปภาพที่ทำให้รีสอร์ทแห่งนี้เป็นที่ต้องการพักของนักเดินทางทุกท่าน
น่าสนใจอย่างไร อย่าลืมติดตามนะครับ
วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ทะเลใน500ไร่ เขื่อนรัชประภา
ทุกสิ่งทุกอย่างยอมมีจุดเริ่มต้น ไม่เว้นแม่กระทั่งเรื่องการท่องเที่ยว หลายๆที่ ที่ผมได้ไปเที่ยวได้ไปสัมผัส ที่สุดแสนประทับใจ ทั้งผู้คน,การเดินทางและบรรยากาศของการท่องเที่ยว เมื่อมีครั้งแรกก็ย่อมมีครั้งที่สองและครั้งอื่นๆตามมาเรื่อยๆ เหมือนสถานที่นี้ เขื่อนเชี่ยวหลาน ผมได้ไปเที่ยวหลายครั้งหลายคราวไปทุกที่ที่อยากไป ความแตกต่างของเวลาที่ผ่านเข้ามาให้ผมได้พบได้เจอได้สัมผัส อาจจะแตกต่างกันในจุดย่อยแต่จุดหมายความพึงพอใจเหมือนเดิม
แพทะเลใน500ไร่ เป็นชื่อของแพเอกชนที่อยู่ในส่วนของทะเลในของเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นแพหนึ่งเดียวที่อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ เงียบและสงบเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมาพักผ่อนรับกลิ่นไอธรรมชาติกลับไป จากจุดลงจากเรือเราจะต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณกิโลครึ่ง เพื่อจะเข้าไปในส่วนของทะเลใน สิ่งนี้จะวัดใจและคัดสรรกลั่นกรองนักท่องเที่ยวและสำหรับคนชื่นชอบแบบนี้ไปในตัว< /p >
แล้วไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่ของแพ500ไร่พายเรือมารับไปขึ้นแพ หลังจากนั้นเราก็จะตัดขาดจากโลกภายนอก ตัดขาดจากความสับสนวุ่นวายของผู้คน ตัดขาดจากการติดต่อสื่อสารที่นับวันจะเป็นกิจวัตรของเราทุกคนจนมากเกินไป จากนั้นความผ่อนคลาย ความสุขจะผ่านเข้ามาแทนที่
แพที่พักจะอยู่ติดฝั่งยึดด้วยเชือกอย่างดีเพื่อสะดวกในการทำกิจวัตรประจำวันของมนุษย์และเพื่อความถูกสุขลักษณะ เราจะได้ยินเสียงร้องของชะนีขับกล่อมเราแทนเสียงดนตรี บางครั้งเราอาจจะมีเพื่อนอย่างน้องลิงเวลาที่เราเดินเข้าห้องน้ำ เราจะมีสายน้ำสีเขียวมรกตที่จะดึงดูดเราและเทียบเหมือนกับพรมชั้นดีให้เราได้ทอดมอง เราจะมีเวลาที่อ่านหนังสือเล่มโปรดได้มากยิ่งขึ้น สามารถที่จะนั่งเขียนโปสการ์ดหลายๆใบเป็นเรื่องราวที่ส่งบอกไปให้คนที่เรากำลังคิดถึง หรือเราสามารถที่จะลงเล่นน้ำ พานเรือแคนูนไปที่เราอยากไป ได้ตามที่ใจปราณนา อิสระที่เราจะได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด ใกล้ชิดความเงียบและสงบแบบที่คนบางคนกำลังค้นหาและอาจจะไม่เจอได้ในเมืองหลวงเลยก็ได้
ยามค่ำคืนเราสามารถมองไปตรงขุนเขา มองท้องฟ้า มองดวงดาวหลายล้านดวงที่จะมาเปล่งรัศมีระยิบระยับหรือให้เรานึกอธิฐานความในใจอย่างไรก็ได้ แล้วยังมีเสียงจิ้งหรีดเรไรร่ำร้องขับกล่อมเราให้เรานอนหลับสบายภายในที่นอนแพไม้ไผ่ที่รักษาธรรมชาติมากที่สุด
ในส่วนของทะเลในยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจนั้นก็คือการส่องสัตว์ยามค่ำคืนหรือกิจกรรมการเดินป่า และการเที่ยวถ้ำ นั้นก็คือถ้ำปะการัง ที่เราจะล่องด้วยแพติดเครื่องยนต์ไปอีกประมาณ10นาที ภายในถ้ำสวยงามยิ่งนัก ถ้ำปะการังอาจจะไม่มีใครพบเจอหรือรู้จักเลย ถ้าเราไม่สร้างเขื่อนและน้ำได้ท่วมเข้ามากลายเป็นทะเลใน คงจะลึกลับ และรอการค้นพบจากนักบุกเบิกซึ่งอาจจะเป็นใครสักคนก็ได้
เวลาความสุขที่นี้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วสำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติแบบนี้ ไม่เท่าไรเราก็ต้องจากลาแพ500ไร่อีกแล้ว แต่อย่างที่บอกไว้เมื่อมีครั้งแรกแล้วครั้งต่อไปก็ย่อมตามมา ครั้งต่อไปที่เราจะมาเที่ยวแพ500ไร่กันอีกครั้ง ครั้งต่อไปที่เราจะสัมผัสบรรยากาศอิสระแบบนี้อีก หรือนี้คือธรรมชาติในตัวเรา หรือนี้คือความสงบพักผ่อนที่แท้จริง และทุกๆสิ่งหาได้ใน แพ500ไร่ ทะเลในเขื่อนเชี่ยวหลาน
แพทะเลใน500ไร่ เป็นชื่อของแพเอกชนที่อยู่ในส่วนของทะเลในของเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นแพหนึ่งเดียวที่อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ เงียบและสงบเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมาพักผ่อนรับกลิ่นไอธรรมชาติกลับไป จากจุดลงจากเรือเราจะต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณกิโลครึ่ง เพื่อจะเข้าไปในส่วนของทะเลใน สิ่งนี้จะวัดใจและคัดสรรกลั่นกรองนักท่องเที่ยวและสำหรับคนชื่นชอบแบบนี้ไปในตัว< /p >
แล้วไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่ของแพ500ไร่พายเรือมารับไปขึ้นแพ หลังจากนั้นเราก็จะตัดขาดจากโลกภายนอก ตัดขาดจากความสับสนวุ่นวายของผู้คน ตัดขาดจากการติดต่อสื่อสารที่นับวันจะเป็นกิจวัตรของเราทุกคนจนมากเกินไป จากนั้นความผ่อนคลาย ความสุขจะผ่านเข้ามาแทนที่
แพที่พักจะอยู่ติดฝั่งยึดด้วยเชือกอย่างดีเพื่อสะดวกในการทำกิจวัตรประจำวันของมนุษย์และเพื่อความถูกสุขลักษณะ เราจะได้ยินเสียงร้องของชะนีขับกล่อมเราแทนเสียงดนตรี บางครั้งเราอาจจะมีเพื่อนอย่างน้องลิงเวลาที่เราเดินเข้าห้องน้ำ เราจะมีสายน้ำสีเขียวมรกตที่จะดึงดูดเราและเทียบเหมือนกับพรมชั้นดีให้เราได้ทอดมอง เราจะมีเวลาที่อ่านหนังสือเล่มโปรดได้มากยิ่งขึ้น สามารถที่จะนั่งเขียนโปสการ์ดหลายๆใบเป็นเรื่องราวที่ส่งบอกไปให้คนที่เรากำลังคิดถึง หรือเราสามารถที่จะลงเล่นน้ำ พานเรือแคนูนไปที่เราอยากไป ได้ตามที่ใจปราณนา อิสระที่เราจะได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด ใกล้ชิดความเงียบและสงบแบบที่คนบางคนกำลังค้นหาและอาจจะไม่เจอได้ในเมืองหลวงเลยก็ได้
ยามค่ำคืนเราสามารถมองไปตรงขุนเขา มองท้องฟ้า มองดวงดาวหลายล้านดวงที่จะมาเปล่งรัศมีระยิบระยับหรือให้เรานึกอธิฐานความในใจอย่างไรก็ได้ แล้วยังมีเสียงจิ้งหรีดเรไรร่ำร้องขับกล่อมเราให้เรานอนหลับสบายภายในที่นอนแพไม้ไผ่ที่รักษาธรรมชาติมากที่สุด
ในส่วนของทะเลในยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจนั้นก็คือการส่องสัตว์ยามค่ำคืนหรือกิจกรรมการเดินป่า และการเที่ยวถ้ำ นั้นก็คือถ้ำปะการัง ที่เราจะล่องด้วยแพติดเครื่องยนต์ไปอีกประมาณ10นาที ภายในถ้ำสวยงามยิ่งนัก ถ้ำปะการังอาจจะไม่มีใครพบเจอหรือรู้จักเลย ถ้าเราไม่สร้างเขื่อนและน้ำได้ท่วมเข้ามากลายเป็นทะเลใน คงจะลึกลับ และรอการค้นพบจากนักบุกเบิกซึ่งอาจจะเป็นใครสักคนก็ได้
เวลาความสุขที่นี้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วสำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติแบบนี้ ไม่เท่าไรเราก็ต้องจากลาแพ500ไร่อีกแล้ว แต่อย่างที่บอกไว้เมื่อมีครั้งแรกแล้วครั้งต่อไปก็ย่อมตามมา ครั้งต่อไปที่เราจะมาเที่ยวแพ500ไร่กันอีกครั้ง ครั้งต่อไปที่เราจะสัมผัสบรรยากาศอิสระแบบนี้อีก หรือนี้คือธรรมชาติในตัวเรา หรือนี้คือความสงบพักผ่อนที่แท้จริง และทุกๆสิ่งหาได้ใน แพ500ไร่ ทะเลในเขื่อนเชี่ยวหลาน
วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552
เล่นน้ำฉ่ำใจที่น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น กาญจนบุรี

“ร้อนๆจังเลย” นึกบ่นในใจ ทำไมอากาศถึงได้ร้อนขนาดนี้ เมื่อเริ่มเข้าหน้าร้อนอากาศก็ร้อนอบอ้าวทำให้เครียดและปวดหัวได้ ไม่ได้การต้องหาโอกาสไปเที่ยวคลายร้อนดีกว่า จะไปที่ไหนดีนึกไปนึกมาไปเที่ยวน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น อุทยานแห่งชาติศรีนครรินทร์ดีกว่า ไปเล่นน้ำกันให้ฉ่ำเย็น พักผ่อนนอนเล่น ถ่ายภาพ หาหนังสือดีๆอ่าน นึกแล้วความเย็นความสุขใจของสายน้ำตกก็ผ่านกายเข้ามา
เลือกเสาร์-อาทิตย์แล้วร่วมสมัครพรรคพวกครบคนแล้วเหมารถตู้ไปกัน ออกเดินทางกันเช้าๆหน่อยเพื่อจะได้ไปถึงน้ำตกได้เร็วขึ้น จะได้มีเวลาเล่นน้ำพักผ่อนนานๆ เที่ยวแบบวันหยุด สนับสนุนนโยบายของรัฐบาล เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก พวกเรามาถึงน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นเมื่อแดดร่มลมตก กันเกือบบ่าย3โมงครึ่ง
จัดแจงติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องที่กางเต็นท์และติดต่อเรื่องอาหารรอบค่ำที่เราฝากท้องไว้ บางคนที่ว่างก็ใช้เวลาไปเดินเล่นที่น้ำตกแบบนักสำรวจ บางคนที่รักในการถ่ายภาพก็หามุมถ่ายภาพส่วนตัวกันไปเรื่อยๆ พวกเรากางเต็นท์กันใกล้ๆจุดกางเต็นท์ที่น้ำตกชั้นที่4 ที่เรียกว่า ชั้นฉัตรแก้ว ชั้นที่สวยที่สุด มุมถ่ายภาพที่นิยมที่สุดของที่นี้ ที่นี้มีด้วยกันทั้งหมด 7ชั้นสวยแตกต่างกันไป เช่นชั้นไหลจนหลงคิดดูว่าจะหลงขนาดไหน
คืนนี้พวกเราได้นั่งชมการแสดงของเจ้าหน้าที่ที่มาขับกล่อม ร้องเพลง การฉายสไลด์บอกกล่าวเรื่องราวสถานที่ความเป็นมาของอุทยานเพื่อการอนุรักษ์ที่ยั่งยื่น 3 ทุ่มก็ได้เวลาที่พวกเราสังสรรค์ บางคนก็นั่งเขียนโปสการ์ด บอกกล่าวความในใจส่งให้เพื่อนและคนที่รู้ใจ บางคนก็ตั้งวงเฮฮา แต่ที่นี้มีเวลาสังสรรค์กันถึง4 ทุ่ม หลังจากนั้นห้ามส่งเสียงดังซึ่งจะเป็นการรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆได้ ใครไม่เชื่ออาจะโดนใบเหลืองได้น่ะจะบอกให้ เมื่อเราเข้านอนเสียงน้ำตกก็ขับกล่อมให้พวกเราหลับไหลได้หลับสบาย
ยามเช้าตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นกัน ตื่นกันเช้าจริงๆ ถ้าอยู่บ้านวันหยุดแบบนี้คงนอนคลุมโปงแน่ๆ คนชอบถ่ายรูปก็หามุมตั้งขาตั้งถ่ายภาพกัน ส่วนคนอื่นก็หามุมนั่งสงบๆมองพระอาทิตย์ขึ้น มองสายน้ำบริเวณเขื่อน ดวงอาทิตย์กลมโตเมื่อผ่านสายน้ำมันช่างงดงามจริงๆ แล้วหลังจากนั้นก็เดินไปน้ำตก ส่วนผมเริ่มเวลาได้พักผ่อนกันแล้ว หลังจากทานอาหารเช้า ได้เวลาไปเล่นน้ำที่น้ำตก เดินลงจากน้ำตกชั้นฉัตรแก้ว ลงไปชั้นสาม ที่มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เงียบสงบมาก น้ำใสเย็น โดดน้ำเล่นดีกว่า ความสุนทรีย์บังเกิด เย็นฉ่ำอุรา ดับร้อนคลายร้อนและลืมเรื่องอื่นไปชั่วขณะ เย็นสบายจริงๆเลย จนลืมเวลาขึ้นจากน้ำ ขึ้นจากน้ำตัวแทบซืดเชียวล่ะอิๆ
ขึ้นจากน้ำก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บเต็นท์ เดินทางกลับกันแล้ว แต่ใจจริงบอกกับตัวเองว่าถ้ามีเวลาอยู่อีกสัก2-3วัน คงสุขใจไม่น้อยที่เดียวและจะไล่เล่นน้ำเป็นชั้นๆๆดูสิจะสนุกขนาดไหน ตอนจะกลับแวะหยุดรถถ่ายป้ายอุทยานกันก่อน เพื่อบอกให้เรารู้ว่าเรามาแล้วน่ะ แล้วเดินทางกลับเส้นทางเดิม กลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัย แล้วนึกในใจว่า พรุ่งนี้อีกแล้วสิที่พวกเราจะต้องพบเจออากาศร้อน แต่ในใจเราก็ยังคิดว่าความเย็นสบายของน้ำตกห้วยแม่ขมิ้นที่เรานึกถึง คงคลายร้อนได้บ้างไม่มากก็น้อย เราหวังแบบนั้นจริงๆ
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552
แนะนำตัวกันก่อน
มีเวลาเข้ามาเขียนเรื่องท่องเที่ยว แล้วอย่างลืมเข้ามาติดตามเรื่องท่องเที่ยวได้ที่นี้นะครับ มีเรื่องเขียนเรื่องเล่าให้ทุกท่านได้ติดตามหรือสนุกในการอ่านแน่นอนครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)